ไม่มีเวทีลูกหนังที่ไหนยิ่งใหญ่ไปกว่าศึกฟุตบอลโลกได้อีกแล้ว และข้างในทัวร์นาเมนต์นี้ถือได้ว่าเป็นโอกาสทองสำหรับนักเตะมืออาชีพที่จะได้โชว์ฝีเท้าของตัวเองจนก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์ลูกหนังชนิดที่ได้ว่าไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เวิลด์คัพ คือเวทีฟุตบอลเวทีหนึ่งที่เปิดโอกาสให้พ่อค้าแข้งได้มีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นถึงนักเตะสุดฮอตภายในเวลาอันสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้เล่นคนหนุ่มๆ หรือพวกดาวรุ่งพุ่งแรง มีโอกาสที่จะได้กลายสภาพจากนักเตะแข้งธรรมดาๆ ไปเป็นสุดยอดนักเตะ
สำหรับทางมหกรรมลูกหนังฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ นั้น จะมีดาวจรัสแสงดวงใหม่คนไหนที่ได้ขึ้นมาประดับวงการหรือไม่ว่าอาจจะคงต้องรอดูกันในต่อไป แต่ว่าก่อนหน้านี้นั้น เกมเวิลด์คัพ มีนักกีฬา อยู่ 5 นักเตะที่ไม่ค่อยมีกระแสที่โด่งดังมากนักแต่ได้กลายเป็นดาวจรัสแสงเพียงในชั่วข้ามคืน
ต้องบอกไว้เลยว่า ฮาเมส โรดริเกซ ถือเป็นนักเตะที่ค่อนข้างโดดเด่นเอาอย่างมากจากช่วงศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ผ่านมาโดยผลงานของเขาและทาง โคลอมเบีย ทำให้เจ้าตัวนั้นได้มีโอกาสย้ายไปเล่นกับทาง เรอัล มาดริด เลยทีเดียว
เมื่อช่วงเร็วๆ นี้ทาง ไมเคิ่ล โอเว่น ก็เคยออกมาแสดงความเห็นส่วนตัวว่าหากย้อนไปเมื่อตอนที่ยังอายุ 19 หรือ 20 ปีซึ่งเป็นตัวช่วยฟอร์มพีคสุดขีด ทางเขาน่าจะมีราคาค่าตัวอยู่ประมาณ 100 ล้านปอนด์ หรือ ราวๆ 4,200 ล้านบาท ซึ่งพูดได้เลยว่าไม่เกินความเป็นจริง เพราะช่วงตอนนั้นเจ้าตัวเขานั้นโคตรเก่ง
ตอนที่ทาง รัสเซีย ได้ลงเล่นนัดเปิดสนามในตอนศึกฟุตบอลโลก 2018 พวกเขานั้นต้องได้ปะทะกับทางทีมซาอุดิอาระเบีย โดยที่แมตช์นั้นได้ทำให้นักเตะที่เรียกได้ว่าโนเนมอย่าง เดนิส เชอรีเชฟ กลายได้มาเป็นดาวจรัสแสงขึ้นมาในทันที
ในช่วงที่ทาง ศึกเวิลด์คัพ 1982 ได้เปิดฉาก ซิโก้ ฉายาดาวเตะเลือดแซมบ้าได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเตะเพลย์เมกเกอร์ที่เรียกได้ว่าเก่งที่สุดในโลก แต่ทว่าในขณะเดียวกันนั้นก็มีหนุ่มน้อยคนหนึ่งหัวฟูในนาม ดีเอโก้ มาราโดน่า ได้ก้าวขึ้นมาทาบรัศมีทันที
ต้องบอกเลยว่าหนทางลูกหนังของนักเตะ เปเล่ ก็เรียกได้ว่าคล้ายๆ กับทาง มาราโดน่า โดยในช่วงตอนนั้น “ไข่มุกดำ” ได้ติดทีมชาติบราซิล บุกไปยังดินแดนสวีเดนในปี 1958 ในฐานะนักฟุตบอลโนเนมหัวเกรียน